สุขอนามัยในการนอน

ข้อสังเกต ลักษณะการเสื่อมสภาพที่นอน ที่ต้องเปลี่ยนใหม่ได้แล้ว!

ทุกอย่างย่อมมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา ที่นอนของเราก็เช่นกัน

เมื่อผ่านการใช้งานมาหลายปี ก็ย่อมมีความทรุดโทรม ส่งผลต่อสุขภาพร่างกายทำให้เกิดความเจ็บป่วยและโรคภัยต่างๆ

ดาร์ลิ่ง มีวิธีการทดสอบที่นอน ว่าเสื่อมสภาพ สมควรแก่การเปลี่ยนใหม่ได้แล้วหรือยังมาบอก

 1. ที่นอนไม่นิ่มมากเกินไป

มีการคืนสภาพดีที่นอนจะต้องมีความนุ่มและความหนาแน่นเท่ากันทั้งหมด ไม่มีส่วนใดส่วนหนึ่งของที่นอนนิ่มมากเกินไป ยกตัวอย่าง เช่น เมื่อเรานั่งลงไปบนที่นอน จะต้องไม่นิ่มยวบลงไปมากจนเกินไปซึ่งความนิ่มที่มากเกินไป ย่อมส่งผลเสียอาการปวดหลังอย่างแน่นอน สามารถทำการทดสอบได้ด้วยการลองสอดมือเข้าไปช่วงแผ่นหลังและสะโพกในขณะที่นอนอยู่ ถ้าหากสามารถสอดมือเข้าไปได้ง่ายและมีช่องว่างระหว่างร่างกายและที่นอนมากเกินไป แสดงว่าที่นอนนิ่มมากเกินไป แต่ถ้าหากสอดมือเข้าไปได้ยากและไม่มีช่องว่างใดๆ ระหว่างร่างกายกับที่นอน แสดงว่าที่นอน ยังมีประสิทธิภาพดีอยู่ เหมาะต่อการนอนหลับพักผ่อน 

2. มีการยุบตัวบริเวณกลางที่นอน

การแอ่นตัวหรือการยุบตัวของที่นอน สามารถแก้ไขได้ด้วยการกลับด้านของที่นอน แต่ในความเป็นจริงแล้วการกลับด้านอาจใช้ไม่ได้ผลเสมอไป เพราะถ้าหากที่นอนมีความเสื่อมสภาพ ที่นอนไม่มีการคืนตัว เกิดการยุบตัวเป็นแอ่น ถ้าฝืนใช้ในต่อไป ส่งผลทำให้มีอาการปวดเมื่อยตามร่างกายเรื้อรัง และที่แย่ไปกว่านั้นคือ เนื่องจากอายุการใช้งานที่ยาวนานทำให้สารป้องกันเชื้อโรคต่างๆ เสื่อมสภาพลงตามกาลเวลา ส่งผลให้เกิดการสะสมไรฝุ่น เชื้อโรค เชื้อราและแบคทีเรียต่างๆ ซึ่งอาการภูมิแพ้ ความเจ็บป่วยของร่างกาย

3. ที่นอนเก่า แหล่งสะสมไรฝุ่น

รู้หรือไม่ว่าฝุ่นในบ้าน 1 กรัม สามารถมีไรฝุ่นได้ถึง 500 ตัวเลยทีเดียว ยิ่งใน ที่นอนและหมอนเก่าที่ใช้มาเป็นระยะเวลานานด้วยแล้ว หากคำนวณน้ำหนักของหมอนเก่าประมาณ 6 ปี 1 ใน 10 ของน้ำหนักหมอนจะมาจากไรฝุ่นและมูลของไรฝุ่นและยิ่งเป็นในที่นอน 1 หลัง สามารถมีไรฝุ่นอาศัยอยู่ได้ถึง 2 ล้านตัว ซึ่งจะว่าไปแล้วยิ่งที่นอนยิ่งมีขนาดใหญ่และมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งโอกาสสะสมได้ไรฝุ่นมากขึ้นเท่านั้น อีกทั้งมูลของไรฝุ่นสามารถฟุ้งกระจายได้ง่ายมากๆ โดยสามารถลอยฟุุ้งกระจายเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจของเราได้ในขณะที่นอนหลับ ซึ่งการทดสอบว่า ที่นอนของเรามีฝุ่นสะสมอยู่มากแค่ไหนอาจทำโดยการเคาะ หรือตบที่นอน ดูว่ามีฝุ่นลอยขึ้นฟุ้งมากไหม (อย่าลืมใช้ผ้าปิดจมูกกันเอาไว้) และพิจารณาถึงอายุการใช้งาน ว่าสมควรเปลี่ยนหรือทำความสะอาด ซึ่งถ้าหากใช้งานมานานเกิน 7-10 ปีแล้ว ก็สมควรแก่เวลาเปลี่ยนใหม่แล้วล่ะ

4. มีการชำรุดเสียหาย

หากที่นอนมีความชำรุดเสียหาย ย่อมส่งผลเสียต่อการนอนหลับพักผ่อนอย่างแน่นอน โดยความขำรุดเสียหายเกิดขึ้นได้หลายแบบ เช่น ที่นอนมีการฉีกขาดจนไส้ในของที่นอนมีการทะลักล้นออกมา ทำให้ความหนาแน่นที่อยู่ด้านในที่นอนไม่สมดุล ไม่ได้ประสิทธิภาพในการนอนหลับพักผ่อน ทำให้ในขณะที่นอนเกิดอาการไม่สบายตัว ปวดเมื่อยตามร่างกายได้ นอกจากนี้ยังทำให้ฝุ่นที่สะสมอยู่ภายในของที่นอนฟุ้งกระจายออกมา ทำให้ระบบทางเดินหายใจมีปัญหา รวมไปถึงเตียงนอน ถ้าหากมีการหักงอไม่แข็งแรง ควรรีบเปลี่ยนหรือซ่อมแซมทันทีไม่เช่นนั้นอาจจเกิดอุบัติเหตุได้

ประสิทธิภาพแห่งการพักผ่อนจากที่นอนดาร์ลิ่ง

ด้วยความเชี่ยวชาญในการผลิตที่นอนกว่า 50 ปี ทำให้เป็นที่ยอมรับในโรงแรมระดับ 4-5 ดาว เพราะที่นอนดาร์ลิ่งเลือกสรรเฉพาะวัสดุคุณภาพสูงในขั้นตอนการผลิต ที่ได้รับมาตรฐานสากล ผ่านกระบวนการผลิตที่ดีที่สุดในโลก เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้วยเทคนิคเฉพาะในการประกอบ ที่นอนที่ดี พิสูจน์ประสิทธิภาพการต่อต้านไร่ฝุ่น เชื้อรา แบคทีเรีย ตลอดอายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์

อีกทั้งผสมผสานเทคโนโลยีการผลิตด้วยเส้นใยอัจฉริยะ ที่เรียกว่า Amicor Pure ที่จะทำการตัดห่วงโซ่อาหารของไร่ฝุ่น ได้รับการพัฒนาและวิจัยจากประเทศอังกฤษ ผ่านการรับรองจาก FDA ประเทศสหรัฐอเมริกา ผสานเข้ากับ Polymer ที่เป็นเทคนิคเฉพาะของ ที่นอน ดาร์ลิ่ง ก่อนการปั่นออกเป็นเส้นใยอัจฉริยะ Amicor Pure ที่นอนดาร์ลิ่ง จะทำให้คุณปลอดภัยจากภูมิแพ้อย่างแน่นอน

แม้ที่นอนจะมีอายุการใช้งานหลายสิบปี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถใช้งานได้ยาวนานเสมอไป ซึ่งทั้งหมดต้องขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้งาน ว่ามีการดูแลรักษาที่ดีหรือเลป่า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น หากที่นอนเสื่อมสภาพควรเปลี่ยนใหม่จะดีที่สุด เพื่อสุขภาพและประสิทธิภาพในการพักผ่อนนอนหลับที่ดี

ลิขสิทธิ์บทความของ ที่นอน Darling
ผู้จัดจำหน่าย ที่นอนคุณภาพกว่า 50 ปี การันตีคุณภาพด้วยรางวัล

>> สนใจสินค้าและสอบถามเพิ่มเติม คลิ๊ก ที่นี่ <<